PRISON BREAK แผนลับแหกคุกนรก ปี 1
ประธานาธิบดี เทอเรสซ์ สเตดแมน ( Terrence Steadman) ด้วยหลักฐานและแรงจูงในในการฆ่า
ทำให้ลินคอล์นถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง การต่อสู้คดีหมดหนทาง ในขณะที่วันนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าประหารถูกกำหนด
ไมเคิล เป็นวิศวกรโครงสร้างที่เคยทำงานให้กับบริษัทที่รับจ้างออกแบบคุกแห่งนี้ เขาจึงมีแบบพิมพ์เขียวของมัน และนอกจากเขาจะศึกษามันเป็นอย่างดีแล้ว เขายังนำมันติดตัวเข้าไปในคุกด้วย จะทำได้ยังไงล่ะ ? ก็ด้วยการประยุกต์ภาพและสักร่างลงไปบนตัวนั่นไง แม้ว่าคนอื่นจะเห็นว่าไมเคิลมีรอยสักทั้งตัวแต่ก็ดูไม่ออกว่าคือแบบพิมพ์เขียวของโครงสร้างสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือ
เรือนจำ fox river
(แต่ถึงยังไงไมเคิลก็ยังคงระมัดระวังไม่ให้รอยสักเป็นจุดสนใจ) และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นความมันส์
ระทึกใจใน Prison Break ที่ไม่สามารถจะตัดใจ break การดูซีรีย์เรื่องนี้ได้ ไม่เคยดูอะไรชนิดที่
มาราธอนสายตาและสังขารขนาดนี้มาก่อน
และ Prison Break ก็ยังคงเป็น ซีรีย์ The Best ในดวงใจที่ยังไม่มีซีรีย์เรื่องไหน
ขึ้นชั้นมาเทียบติดได้
นี่เป็นความเห็นส่วนตัว เพราะแต่ละคนดูหนังก็ย่อมมีสไตล์เป็นของตัวเอง แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงชอบ
Prison Break นักหนา ก็เพราะทุกอย่างมันลงตัว ทั้งเนื้อเรื่อง การนำเสนอที่ค่อยๆ
คลายปมให้เข้าใจ เรื่อง และความเป็นมาของตัวละคร นักแสดงก็เล่นดีกันทุกคน
และอารมณ์ของหนังก็เข้าถึงใจคนดู
ถูกหนังลากไปกับเหตุการณ์ในเรื่องแทบไม่ได้กินได้นอนกันเลยทีเดียว
เนื้อเรื่องโดยย่อๆ ก็จะเป็นเรื่องราวของ ไมเคิล สกอฟิลด์ วิศวกรโยธาอนาคตไกล ที่ยอมติดคุกเพื่อเข้าไปช่วยเหลือพี่ชายของตนเอง ลินคอร์น เบอร์โรวส์ ซึ่งโดนโทษประหารชีวิตจากคดีฆาตกรรมออกมาจากคุกให้ได้ แต่ว่าการแหกคุกนั้นใช่ว่าจะทำกันง่าย ๆ ต้องมีการวางแผนมาอย่างดี พร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้เกิดเหตุการที่น่าตื่นเต้นต่างๆขึ้น ..
สรุปเนื่อเรื่องและรายละเอียดต่างๆในแต่ละ season
สำหรับคนที่ดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจ
season 1
มีอยู่ทั้งหมด 22 ตอน ลินคอล์น ได้รับโทษฐานฆาตกรรมเทอร์เรนส์ สเตดแมน เป็นน้องชายของรองประธานาธิบดี ด้วยหลักฐานอันหนาแน่นทำให้เขาถูกตัดสินว่าผิดจริง ลินคอล์นถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกส่งไปกักกันตัวที่คุกฟ็อกซ์ริเวอร์เพื่อรอรับโทษ น้องชายของลินคอล์นผู้เฉลียวฉลาดเป็นวิศวกรโครงสร้างคือ ไมเคิล ได้พยายามจะวางแผนช่วยพี่ชายของเขาหนีออกจากคุก เขาทำการปล้นธนาคาร เพื่อให้ได้จำคุกที่คุกฟอกซ์ริเวอร์ที่เดียวกับพี่ชาย เขาได้ทำงานแข่งกับเวลาอีกทั้งอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเขาร่วมมือกับนักโทษภายในคุกเพื่อจะเอาพี่ชายของเขาออกมา ส่วนเพื่อนในวัยเด็กของพวกเขา เวโรนิกา โดโนแวน ที่เริ่มจากการสืบสวนการวางแผนลับที่นำไปสู่การเข้าคุกของลินคอล์น อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ถูกตามล่า ขัดขวางจากกลุ่มนักสืบที่เป็นหน่วยของเดอะคอมปานี โดยเดอะคอมปานีทำหน้าที่วางแผนในเหตุการณ์ของลินคอล์น
ทั้ง 2 พี่น้องรวมถึงเพื่อนร่วมแก๊งค์อีก 6 ที่ประกอบด้วย ซูเคร, ที-แบ็ก , ซี-โน้ต, ทวีเนอร์ , อบรุซซิ และเฮย์ไวร์ ที่เป็นนักโทษแหกคุกในฤดูกาลแรก
นี่คือภาพ นักโทษที่หลบหนี
ลินคอล์น เบอร์โรวส์ (Lincoln Burrows)
ไมเคิล สกอฟิลด์ (Michael Scofield)
ซูเคร Fernando Sucre
ดีบี คูเปอร์ Charles Westmoreland D. B. Cooper
ทวีเนอร์ David 'Tweener' Apolskis
ทีแบ็ค แบคเวล
อบรุซซิ John Abruzzi
ซี-โน้ต Benjamin Miles "C-Note" Franklin
ถ้าหนังเรื่องไหนมีพระเอกฉลาดมากๆ เรื่องก็ต้องสนุกแน่เพราะต้องมีเงื่อนปมอุปสรรคยากๆ ให้พระเอกฉลาดๆ ทำ (ไม่งั้นพระเอกจะฉลาดได้ไง ถ้าไม่มีอะไรให้ทำ)
ซาร่า แทนเครดี้ Sara Tancredi นางเอกของเรื่อง
ต่อมานางเอก ... ปกติดูหนังฝรั่งถ้าไม่ใช่หนังโรแมนติค ก็แทบไม่มีผู้หญิงเลย หรือถึงมีก็ไม่ค่อยซาบซึ้งตรึงใจนัก แต่เรื่องนี้พระเอกเป็นนักโทษไปอยู่ในคุก ก็ยังอุตส่าห์มีนางเอกเป็นคุณหมอคนสวย ซาร่า ที่ดูแลรักษานักโทษให้กับเรือนจำอีก
จุดสำคัญมากๆ ในเวลาที่ดูหนังคือจะเป็นคนที่อินง่ายถ้าในหนังมันมีความผูกพันของตัวละครค่อนข้างแน่นแฟ้น มีที่มาที่ไป เช่น ไมเคิลกับลินคอล์น สองพี่น้องกำพร้า หนังจะค่อยๆ เผยให้เห็นความขัดแย้งในอดีต ซึ่งเราจะเข้าใจได้ว่า ทำไมไมเคิลถึงละทิ้งอนาคตของตัวเอง เพื่อพี่ชาย ที่เขาเคยคิดว่าไม่เอาไหน และเคยเชื่อด้วยว่าลินคอล์นทำความผิดจริง มีประโยคที่กินใจประโยคหนึ่งจากเรื่องคือที่ไมเคิลพูดว่า "ฉันเบื่อ..ที่ต้องคอยเป็นพี่ชาย ให้กับพี่ชายตัวเอง" ที่มันกินใจก็เพราะว่า มันเหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น แล้วอะไรทำให้เขาเปลี่ยนใจมาเชื่อลินคอล์น ทั้งยังทิ้งชีวิตดีๆ ของตัวเองไปเป็นนักโทษไร้อนาคตอยู่ในคุก ?
ประทับใจกับความผูกพันของสองพี่น้อง ไมเคิล & ลินคอล์น
และถึงจะเข้าไปอยู่ในคุกได้แล้ว พร้อมแบบพิมพ์เขียวในตัว แต่การแหกคุกมันจะรื่นไหลง่ายดายอย่างนั้นหรือ ? แล้วกำหนดตายของลินคอล์นที่กระชั้นเข้ามาล่ะ ? ไม่หรอก มันไม่ง่าย ที่สำคัญเขาไม่สามารถทำคนเดียวได้ ไมเคิลต้องการความช่วยเหลือ ที่นำมาซึ่งความสนุกตื่นเต้นเร้าใจในแบบที่คุณต้องเหน็ดเหนื่อยไปพร้อมๆ กับพระเอก เพราะความหล่อ ความฉลาด และความขรึมเศร้าในดวงตาที่สิ้นหวังของพระเอก รวมถึงการเป็นหนุ่มน้อยหน้ามนคนตาสวยน้องใหม่แห่งคุกฟอกซ์ริเวอร์ที่มีแต่พวกโฉดๆ โหด ๆ จะทำให้คุณต้องเหน็ดเหนื่อย เพราะได้เทจิตเทใจเป็นห่วงพระเอกอย่างลุ้นละทึกตลอดเวลาด้วยความใจหายใจคว่ำ และบางขณะก็แสนจะปวดใจ
ซูเคร หนุ่มหัวขโมยที่รักเดียวใจเดียว , ทีแบ็คฆาตกรต่อเนื่องโรคจิต (แถมเป็นเกย์ที่จ้องพระเอกของเราตาเป็นมันอีกต่างหาก) , จอห์น อบรูซซี่ เจ้าพ่อมาเฟียร์ที่ยังมีอิทธิพลอยู่ทั้งในคุกและนอกคุก , ชาลส์ เวสต์มอร์แลนด์ นักโทษเก่าแก่ชราที่นับวันตั้งตารอคอยการลดหย่อนโทษจากการประพฤติตัวดีมาตลอดชีวิตของการเป็นนักโทษ และใครหลายคนรวมทั้งไมเคิลเชื่อว่า เขาคือโจรปล้นธนาคารดิ่งเวหาผู้อื้อฉาว ดี.บี.คูเปอร์ (คนนี้เป็นคนที่มีตัวตนจริง),เฮย์ไวร์ นักโทษในการดูแลของจิตแพทย์ ฯลฯ นักโทษเหล่านี้ที่พระเอกต้องเข้าไปเกี่ยวพันด้วยทั้งที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนโดยตั้งใจ และส่วนที่ต้อง "จำใจ" เพิ่มเข้าไปในแผน การช่วยเหลือใดๆจะได้มา ก็ต่อเมื่อแลกผลประโยชน์ให้ไป คนดีๆ อย่างไมเคิลที่แม้จะเก่ง ดวงเฉง และฉลาดแค่ไหน แต่ก็เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งธรรมดาที่เคว้งคว้างโดดเดี่ยว ที่ยึดเหนี่ยวใจเพียงหนึ่งเดียวก็คือพี่ชาย ที่ถูกขังแยกออกไปเพื่อรอวันประหาร เขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไรในสังคมโหดของคนคุก ?
สำหรับลินคอล์น แม้บางขณะเขาอยากจะถอดใจ ยอมแพ้ให้แก่โชคชะตาของชีวิต แต่เมื่อไมเคิลไม่ยินยอม ทั้งยังทิ้งชีวิตของตัวเองก้าวเข้ามาในคุกแล้วเพื่อแผนการนี้ แม้จะปวดใจที่เห็นน้องชายต้องมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอันตรายในคุก แต่ไมเคิลก็ได้จุดประกายความหวังที่จะมีชีวิตรอดขึ้นมา แล้วเขาจะยอมแพ้ให้ความตั้งใจนั้นสูญเปล่าได้อย่างไร เมื่อลึกๆ ลงไปแล้วลินคอล์นย่อมรู้หน้าที่ของตัวเองดีและเขาไม่เคยละทิ้งมัน นั่นคือหน้าที่ของ "พี่ชาย" ที่ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องให้ใครมองเห็น และคนสิ้นหวังสองคนก็เป็นความหวังของกันและกัน (จากบทของหนังจะเห็นได้ว่า ลินคอล์นรักน้องชายอย่างมากมาย)
เจ้าหน้าที่ แบรด เบลลิค Brad Bellick
ยังไม่จบแค่นั้น เพราะทั้งหมดนั่นยังถือเป็นนักโทษฝ่ายคนคุกในรั้วเดียวกัน แต่คนคุมรั้วนี่สิ
แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ "ผู้คุม" ตลอดไปจนถึง "พัสดี" ก็ใช่จะเป็นคนดีนัก โดยเฉพาะผู้คุมเรือนจำ มันช่างเลวจริงๆ เกลียดมัน! กับผู้คุมที่มีอำนาจเหนือกว่า ก็เป็นอีกหนึ่งอันตราย ที่ไมเคิลจะต้องระมัดระวัง
และใช่แต่จะใจหายใจคว่ำกันอยู่แต่ นักโทษ , ผู้คุม , และเรือนจำ เท่านั้น นอกคุก..ก็ลุ้นระทึกไม่แพ้กัน คดีลอบสังหารน้องชายประธานาธิบดีมีเงื่อนงำซับซ้อนอย่างไร จึงได้ลากใครต่อใครเข้ามาเกี่ยวข้อง ถูกตามล่าตามล่าตามล้างและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลินคอล์นได้จบชีวิตลงบนเก้าอี้ไฟฟ้าประหาร
เวโรนิก้า โดโนแวน เพื่อนเก่าแก่ผู้เป็นพันธมิตรหนึ่งเดียวของไมเคิล อีกทั้งเธอยังเป็นทั้งทนายและคนรักเก่าของลินคอล์น จะหาทางช่วยคนรักเก่าที่ยังรักไม่ลืมได้หรือไม่ ? แอลเจ ลูกชายของลินคอล์น เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่คิดว่าตัวเองมีพ่อไม่เอาไหนติดอยู่ในคุกและนับถอยหลังรอวันประหาร อีกทั้งไมเคิล อาผู้ที่เขายึดถือเป็นแบบอย่างชีวิตที่ดี ก็ตามติดเข้าคุกไปไม่รู้อนาคต เขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไรเมื่อภัยจากคดีนี้คุกคามเข้ามาถึงตัวเขาด้วย โดยที่ผู้เป็นพ่อและอาไม่อาจให้ความช่วยเหลือใดๆ ได้เลย
นี่แหละ Prison Break ในดวงใจ...ที่สามารถเล่าได้อีกมากมายไม่รู้จบ หวังว่าคงจะไม่ spoil คนอ่านจนเกินไป หรือถ้าใครจะถือเป็นการ spoil ก็ไม่ทันแล้วถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ ขออภัยด้วย ทำไงได้ล่ะคะ ก็คนมันชอบนี่นา
นี่แค่ Season 1 นะคะ ส่วน 2 กับ 3 เชื่อว่าใครดู 1 แล้วก็ต้องทุรนทุรายหามาดูต่อ ถ้าไม่ได้ดูเหมือนจะลงแดง (มันส์..เดี๋ยวเล่ายาว..หุหุ )
Prison Break Season 2 : แผนลับแหกคุกนรก ปี 2 (2006)
Review
เรื่องราวต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว ที่พระเอก ไมเคิล สกอฟิลล์ พาพี่ชาย ลินคอร์น เบอร์โลว์ และเพื่อนๆแหกคุกออกมาได้ทั้งหมด 8 คน เมื่อออกมาแล้ว ทุกคนต้องหนีเอาตัวรอดตาเส้นทางของแต่ละคนและก็มีเป้าหมายอยู่ที่เงิน 5 ล้านของ ดีบี คูเปอร์ ซึ่งเงินก้อนนี้จำเป็นต่อการอยู่รอดของทุกคนจึงเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดึงทุกคนกลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง นอกจากนั้นตำรวจฝีมือดีอย่างอเล็กซานเดอร์ มาโฮน (William Fichtner) ที่สามาถแกะรอยเส้นทางการหนีของสกอฟิลล์ได้อย่างน่าติดตาม ในปีที่ 2 นี้เราจะได้พบกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและการจับกลุ่มของตัวละครที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนและผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงตลอดทุกตอน ติดตามการหนีการตามล่าของทั้งตำรวจและองค์กรลับ "The Company" ตลอดจนการช่วงชิงเงิน 5 ล้านที่เป็นเป้าหมายของทุกคนได้ใน Prison Break Season 2
หลังจากที่ผมดูซีรีย์ชุดนี้ปี 1 จบผมก็ไปหาปีที่ 2 มาดูอย่างต่อเนื่องครับ ในปี 2 นี้เนื้อเรื่องยังคงเฉียบขาดและเข้มข้นเช่นเคยถึงแม้หลายๆคนจะมองว่าพอออกนอกคุกแล้วมันไม่ค่อยสนุกเท่าในคุกก็เถอะนะครับ ในปีนี้สกอฟิลล์พระเอกนอกจากจะต้องดำเนินแผนตามที่เขียนไว้บนร่างกายของตัวเองแล้วยังต้องระวังหลังเพราะภาคนี้มีตำรวจมือดีอย่าง.......
อเล็กซ์ มาโฮน คนนี้เป็นเอฟบีไอที่เก่งมาก มาสืบคดีหลบหนีนี้ โดยเป้าหมาย คือ จับตาย ฆ่าทุกคนตามคำสั่งของ The Company เป็นคนฉลาดมาก ตามความคิดของไมเคิลทันตลอด และก็ตามเก็บนักโทษไปได้หลายคนเลย แต่ข้อเสียคือ ติดยา และมีปมลึกในใจ
FBI อเล็ก มาโฮน
FBI อเล็ก มาโฮน อ่านแผนการของสกอฟิลล์ออกอย่างเหลือเชื่อทำให้การช่วงชิงจังหวะของ 2 คนนี้น่าดูมากครับ ตรงนี้ผมขอชมคนเขียนบทนะครับว่าสร้างตัวละครตัวนี้มาข่มกับสกอฟิลล์ได้ดีครับ ทำให้ไม่รู้สึกว่าอะไรๆที่สกอฟิลล์ทำจะง่ายไปหมด
นอกจากสกอฟิลล์และเบอร์โลว์แล้วคนอื่นๆอีก 6 คนที่หนีออกมาล้วนแล้วแต่แยกกันหนีด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป ซึ่งตรงนี้ผมขอชี้ให้เห็นว่าคนเขียนบทเขียนออกมาได้ดีมากเพราะสามารถแสดงให้เราได้เห็นถึงวิถีการดำรงชีวิตของแต่ละคนและที่สำคัญทางเลือกครับโดยเฉพาะแบ็คเวล หมอนี่เลือกเส้นทางเพื่อแก้ปมในใจของตนเองซึ่งอาจจะเป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาดนักแต่เหมาะสมกับคนอย่างเขา อย่างไรก็ดีไม่ว่าคนที่หนีมาจะมีเป้าหมายอย่างไร แต่ทุกคนถูกความจำเป็นบังคับทำให้พบกันและต้องมาแย่งชิงเงิน 5 ล้าน สังเกตุเงินดีๆนะครับเปลี่ยนมือเร็วมากและดูไว้นะครับเงินก้อนนี้ล่ะแสดงให้เห็นถึงความหมายของคำว่าข้อตกลง
ผมอยากบอกว่าเป็นภาคต่อที่ดีนะครับสนุกและลุ้นไปได้ตลอดจุดน่าสนใจผมชี้ให้เห็นแล้วลองดูด้วยตัวเองครับ แล้วคุณจะรู้ว่าซีรีย์ชุดนี้ดีขึ้นจริงๆครับ
ข้อประทับใจใน Prison Break :-
** คือการปกป้องดูแลกันและกันระหว่างพี่น้อง , มิตรภาพความจริงใจของความเป็นเพื่อน หรือแม้แต่รูปแบบความสัมพันธ์ที่ลวงหลอกไว้ใจไม่ได้ที่ไมเคิลต้องเผชิญในคุก, บุคลิกที่แตกต่างอย่างลงตัวของสองพี่น้อง , ความขัดแย้งตลอดจนความรักความเข้าใจของคนในครอบครัว, อีกหนึ่งประเด็นที่สุดแสนจะเติมเต็มให้ Prison Brek ลงตัวอย่าง Perfect (ถ้าไม่นับความไม่สมจริง ความเว่อร์ไปบ้างในบางช็อตบางมุมบางจังหวะ ) ก็คือ ความรัก ชอบอย่างมากมายที่พระเอกนางเอกไม่ได้รักกันฉาบฉวยประเภทมองหน้ามองตาพูดกันไม่กี่คำก็ kiss & kiss เลยแบบที่เราเห็นบ่อยๆ ในหนังฝรั่ง แต่ค่อยๆ รักกัน และแม้ว่านางเอกจะเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญ (โดยไม่รู้ตัว) ที่จะไขอิสรภาพให้ไมเคิลพาลินคอล์นหนีออกไป แต่จังหวะที่เขาตัดสินใจเลือกการซื่อตรงจริงใจแทนการหลอกใช้นั้น เป็นอะไรที่ประทับใจมาก ขอบอก!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น